รีวิว Gravity Of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูด

เรียกว่าเป็นภาพยนตร์รักโรแมนติกที่เข้าฉายปลายปีต้อนรับลมหนาวเลยทีเดียว สำหรับ Gravity Of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูด ผลงานการกำกับของ ซ้ง ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์ และ เจ๋ง ถิรกร ปิยธรรมชัย จากค่ายหนังน้องใหม่ ณวลาร์ท นิมิต ของ เป๊ป ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม ที่ผันมาเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ครั้งแรก หลังจากคร่ำหวอดอยู่ในวงการโทรทัศน์ไทยมานาน โดยหนังยังได้ 3 นักแสดง เต้ย จรินทร์พร, บอย ปกรณ์ และ หลุยส์ สก๊อต มาถ่ายทอดเรื่องราวความรักในครั้งนี้

Gravity Of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูด ว่าด้วยเรื่องราวของ ฟ้า ผู้หญิงที่เคยผิดหวังกับความรักและคำว่า พรหมลิขิต กำลังตามแก้เผ็ดเหล่าแฟนเก่าที่ทำให้เธอต้องผิดหวัง แต่นั่นกลับทำให้เธอเผลอรั่วและได้พบกับ เซน ชายหนุ่มสุดเพอร์เฟกต์ ที่เหมือนกับโชคชะตาดึงดูดให้ทั้งสองคนมาพบกัน เมื่อเวลาผ่านไปฟ้าวางแผนกับเพื่อนๆ ว่าจะไปเที่ยวเซนได ประเทศญี่ปุ่น โดยมี เต้ นักบินสุดหล่อเพื่อนสนิทที่แอบชอบและคอยดูแลฟ้ามาตลอด ตั้งใจว่าจะใช้เวลาพิชิตใจฟ้าให้ได้ในทริปนี้ ท่ามกลางแรงเชียร์ของเพื่อนๆ ที่อยากให้ทั้งคู่ลงเอยกัน

เมื่อแรงดึงดูดของโชคชะตา ทำให้ฟ้าและเซนได้มาเจอกันอีกครั้ง ฟ้าจะตัดสินใจยังไงเมื่อเกิดสงครามเดิมพันระหว่าง คนที่ทุ่มเทเพื่อเธอมาตลอดกับคนที่เหมือนเป็นแรงดึงดูดจากโชคชะตา คำถามจึงเกิดขึ้นในใจฟ้าว่าถ้าจะมีรักแท้เราต้องยอมแพ้หรือเอาชนะโชคชะตา สุดท้ายแล้วผู้หญิงที่ดูเหมือนจะสวยเลือกได้อย่างฟ้าจะเลือกใคร หรือจะขอครองความเป็นโสดต่อไป

นับว่า Gravity Of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูด เป็นภาพยนตร์รักโรแมนติกเพียงเรื่องเดียวที่เข้าฉายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการได้นักแสดงมากฝีมือที่การันตีรางวัลมาหลายเวทีอย่าง เต้ย จรินทร์พร มาแสดงนำก็สร้างความอยากขึ้นมาได้มากโข ประกอบกับการได้เห็นสองหนุ่ม บอย ปกรณ์ และ หลุยส์ สก๊อต มาร่วมแสดงก็ยิ่งทำให้น่าสนใจมากขึ้นไปอีก แต่ก็ต้องบอกกันตามตรงว่าเมื่อได้ดูหนังแล้วมันไม่ได้ออกมาสนุกอย่างที่คิดไว้เลย

เริ่มกันตั้งแต่พล็อตเรื่องที่ก็ไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไรมากนัก ทั้งในเรื่องของรักสามเส้าเราสามคนที่มีให้เห็นกันในหนังรักหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะคำว่าพรหมลิขิตหรือความพยายามที่ใช้กันจนเกร่อ ทำให้ไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราวต่างๆ ได้ รวมไปถึงการใช้ฉากหลังที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยในเรื่องนี้ใช้เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น เป็นโลเคชั่นหลัก แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรกาศต่างๆ ล้วนสวยงามตามท้องเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หนังสนุกขึ้นเลย

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เอานักแสดงมากฝีมืออย่าง เต้ย จรินทร์พร มาขาย ซึ่งบทบาทของเธอนั้นก็ถือเป็นตัวแบกรับทุกอย่างไว้ทั้งเรื่อง แม้จะมีหลายๆ ฉาก หลายๆ ตอนที่ทำให้เราเพลิดเพลินได้ไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าโดยภาพรวมของหนังยังคงมีความเป็นละครหลังข่าวสูงมาก ด้วยการดำเนินเรื่องรวดเร็ว ตัดกระชับเสียจนเราไม่ทันได้ดื่มด่ำกับความโรแมนติก ประกอบกับการใช้นักแสดงที่มากเกินความจำเป็น เข้าใจว่าผู้สร้างต้องการให้มีความรักหลายๆ รูปแบบ แต่พอทำออกมาแล้วมันจึงทำให้ดูเยอะจนน่ารำคาญ

หากพูดกันตามตรงเมื่อได้ดูหนังจนจบจะพบว่าเรื่องราวใน Gravity Of Love ช่างมีความคล้ายคลึงซีรีส์เกาหลีในยุคแรกเริ่มที่มีความน้ำเน่าสุดๆ เรียกว่าเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องราวจะจบลงยังไง เอาเป็นว่าหากใครอยากลองพิสูจน์ก็คงไม่เสียหายอะไร เชื่อว่าผู้ชมน่าจะได้มุมมองที่ต่างกันออกไปไม่เหมือนกันแน่นอน