รีวิว หนังเรื่อง ฮักบี้ บ้านบาก จากข่าวดัง สู่หนังไทยบ้านๆ ซื่อๆ
เรื่องย่อ จากเรื่องจริงของทีมรักบี้ม้ามืดจากโรงเรียนบ้านบาก จังหวัดอุบลราชธานี ที่ขาดแคลนทั้งอุปกรณ์และโค้ชมืออาชีพฝึกซ้อม แต่ก็สามารถเข้าไปชิงในดีวิชั่น 2 ระดับประเทศ ได้เจอกับตัวแทนมหาสารคาม เจอกับตัวแทนกาฬสินธุ์ ตลอดจนเจอกับ ภปร.วิทยาลัย และวชิราวุธ ซึ่งล้วนเป็นโคตรรักบี้แถวหน้าที่มีชื่อคว้าแชมป์กันอย่างต่อเนื่องทั้งนั้น แต่เหล่าเด็กบ้านบากต่างก็มีความมุ่งมั่น ทําให้พวกเขาเหล่านี้สามารถชนะทีมต่าง ๆ อย่างเหลือเชื่อเข้าไปชิงกับทีมวชิราวุธได้อย่างเหนือความคาดหมาย และเป็นข่าวที่ฮือฮาในสื่อระดับประเทศมาแล้ว
จากเรื่องจริงที่เป็นข่าวดังเมื่อปี 2559 มาสู่หนังไทยสไตล์บ้าน ๆ ที่มีเด็กเดินเรื่อง ตามวิถีถนัดของผู้สร้างและผู้กำกับอย่าง บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่เคยปั้นหนังเด็กอย่าง ปัญญา เรณู ออกมาฮิตติดใจจนกลายเป็นหนังไตรภาคสำเร็จ มาครั้งนี้บิณฑ์มุ่งมั่นที่จะนำเอาเรื่องจริงที่สร้างแรงบันดาลใจจากฉายาทีม นักสู้เท้าเปล่า เพราะขาดทั้งทุนทรัพย์และอุปกรณครบครันอย่างโรงเรียนดัง ๆ ทีมอื่น แต่กลับใช้พลังกายพลังใจฝ่าฟันจนล้มยักษ์เข้าชิงระดับประเทศสำเร็จ โดยบิณฑ์ยังได้ดึง ธนิตย์ จิตนุกูล ผู้กำกับดังเจ้าของผลงานอย่าง บางระจัน (2543) มาช่วยกำกับและควบคุมงานสร้าง เพื่อหวังจะได้หนังกีฬาชั้นดีประดับวงการอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งในบรรดาหนังไทยก็เรียกว่านึกออกก็แทบน้อยเรื่องมากที่จะเป็นหนังกีฬาเต็มตัวแบบนี้ นับตั้งแต่ สตรีเหล็ก ที่เป็นกีฬาวอลเลย์บอล หมากเตะโลกตะลึง ที่เป็นกีฬาฟุตบอล ตลอดจนล่าสุด โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง ที่เป็นกีฬากอล์ฟ ซึ่งก็ยังเป็นกีฬาที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยดีทั้งสิ้น แต่กับ รักบี้ นั้นอาจเป็นกีฬาเฉพาะกลุ่มเข้าไปอีกเพราะมีฐานแฟนกีฬาจำกัดมากในไทย ผู้สร้างหนังอย่างบิณฑ์ก็คงรับทราบความเสี่ยงนี้ดีว่าคนอาจไม่สนใจ แต่ทว่าเขาก็เชื่อมั่นว่าเรื่องราวสุดแสนโรแมนติกและเป็นสูตรสำเร็จหนังกีฬาดี ๆ มาก ๆ เช่นเดียวกับบ้านบากนั้นมีมนต์ขลังพอ และบิณฑ์ก็แสดงความจริงใจในการนำเสนอ โดยการลงพื้นที่บ้านบากและคัดเลือกนักแสดงเด็กจากในพื้นที่จริง ทั้งยังฟูมฟักสอนการแสดงให้เด็ก ๆ โดยจ้างครูการแสดงมาสอน ว่ากันเท่านี้เราก็เห็นด้วยเต็มร้อยว่า นี่คือหนังไทยที่สร้างด้วยความตั้งใจดีแบบ 100% เลยทีเดียว
ทว่าส่วนของการตั้งใจดีก็คือเรื่องที่ชมไปแล้ว แต่ส่วนของความเป็นหนัง หรือสื่อบันเทิงก็ต้องวิจารณ์ไปตามเนื้อผ้า ว่าหนังเรื่องนี้ยังไม่กลมกล่อมพอ โดยปัญหาหลัก ๆ ก็มาจากการแสดงของน้อง ๆ ที่พึ่งความน่ารักและซื่อใสตามธรรมชาติของเขาเป็นหลัก เราหลงรักรอยยิ้มจริงใจของพวกเขาได้ไม่ยาก แต่กับส่วนที่ต้องใช้ทักษะการแสดงจริงจังอย่างฉากดราม่า หรือจังหวะตลกนั้นก็ต้องบอกว่า น้อง ๆ ยังไม่เทียบเท่านักแสดงอาชีพ ซึ่งจริง ๆ ก็เข้าใจได้เพราะพวกเขาก็คือเด็กธรรมดา ๆ เมื่อไม่นานก่อนนี้เอง แม้หลายคนจะมีแววและโดดเด่นอยู่บ้างอย่าง ปั๊ก ที่เป็นตัวชูโรง แต่ในภาพรวมก็ยังคงยืนยันว่าหนังยังไม่ได้ให้การแสดงที่น่าจดจำพอ
หรือว่ากันไปมาตรฐานงานสร้างก็อยู่ในระดับดี แต่ก็ไม่ได้โดดเด่น หลายช็อตสวย ๆ ถูกใช้แบบไม่ได้รับการออกแบบมาให้ถูกจังหวะเช่นฉากการแข่งขัน ที่ใช้โดรนเข้าช่วยได้อย่างแปลกตาก็มาในช่วงเวลาที่ไม่ได้สำคัญอะไรเลย ไม่ใช่แม้แต่ฉากแข่งขันชิงแชมป์ด้วยซ้ำ และหลาย ๆ ฉากที่ดีจากตอนที่ดูในตัวอย่างหนัง พอมาอยู่ในหนังจริงก็ปรากฏว่าไม่ทำงานเลย ทั้งจังหวะการเล่น การตัดต่อ หรือแม้แต่เพลงที่เสริมเข้ามา ในหนังก็ใส่ได้ประดักประเดิดมากจนน่าขัดใจจริง ๆ
ส่วนที่ดี ที่ยังเป็นเหตุผลมากพอให้เราอยากเข้าไปอุดหนุนเรื่องนี้ คือการให้โอกาสน้อง ๆ ได้คว้าความฝันใหม่อย่างการแสดง และเราได้รับรอยยิ้มที่แสนจะใสซื่อ ได้สัมผัสความจริงใจแบบบ้าน ๆ กลับมาสู่หัวใจของเราเป็นการตอบแทนนั่นเอง