“เกมกระดานแห่งชีวิต The Queen’s Gambit มินิซีรีส์ Netflix เรื่องราวความสำเร็จของเซียนหมากรุกสาวจากบ้านเด็กกำพร้ามาสู่เวทีหมากรุกระดับโลก แต่ความเป็นอัจฉริยะนั้นใช่ว่าได้มาฟรีๆ ถ้าชัยชนะต้องแลกมาด้วยทุกสิ่ง แล้วชีวิตเราจะเหลืออะไร
หมากรุก เกมกระดานที่ใช้ทั้งสติปัญญาและไหวพริบแถมการลุ้นกับการแก้เกมหมากแต่ละกระดานก็นับเป็นความสนุกของทั้งผู้เล่นและผู้เชียร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ที่ผ่านมามีหนังที่กล่าวถึงกีฬาหมากรุกทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และการต่อสู้ของมนุษย์อยู่บ้าง ทว่าสำหรับซีรีส์แล้วแทบนับได้เพียงหยิบมือ แต่ในวันนี้มีลิมิเต็ดซีรีส์อย่าง The Queen’s Gambit หรือเกมกระดานแห่งชีวิตที่เอาหมากรุกมาเป็นไฮต์ไลต์สำคัญของเรื่องราวและเกี่ยวพันกับชีวิตตัวละครได้อย่างน่าสนใจ
เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้าพร้อมบาดแผลจากครอบครัวที่แตกร้าว เบธ ฮาร์มอน (อันยา เทย์เลอร์ จอย) ได้รู้จักกีฬาหมากรุกผ่านการฝึกฝนกับภารโรงในชั้นใต้ดินมาตั้งแต่ 9 ขวบ ด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่นหมากรุกได้พาเธอสู่โลกการแข่งขันที่ผู้ชายยังครอบครองพื้นที่อยู่ในยุคสงครามเย็นที่สหรัฐอเมริกาและรัสเซียได้ทำศึกกันทุกเรื่องแม้กระทั่งบนกระดาน 36 ช่อง
แต่นอกจาก เบธ จะต้องพาตัวเองไปสู่จุดสูงสุดทั้งการต้องโค่น วาร์สิลี บอร์กอฟ (มาร์ซิน โดโรซินสกี) โคตรเซียนหมากของโซเวียตแล้ว เธอยังต้องต่อสู้กับบาดแผลในอดีตที่ทำให้เธอติดยากล่อมประสาทและเหล้าที่จะพาเธอดิ่งสู่จุดตกต่ำได้ทุกเมื่อ
บอกตามตรงว่าไม่ได้คาดหวังกับ 7 ตอนของลิมิเต็ดซีรีส์นี้ว่ามันจะสนุกตลอดเวลา แถมยังจินตนาการไปว่ามันน่าจะมีภาวะงง ๆ ตามประสาหนังหรือซีรีส์ที่มีตัวละครมีอาการทางจิต แต่ผิดคาดมาก ! สก็อต แฟรงค์ ที่กำกับและเขียนบทร่วมกับอลัน สก็อต กลับผูกปมจากนิยายของ วอลเธอร์ เทวิส ได้อย่างเข้มข้น แม้กระทั่งตอนแรกที่มันแทบมีฉากเล่นหมากรุกแบบนับซีนได้ ซีรีส์ก็ยังจับหัวใจเราให้จดจ่อกับ เบธ ในวัยเด็กได้อย่างไม่วางตาทั้งด้วยปมปัญหาเรื่องยา ความสัมพันธ์กับภารโรงอย่าง มิสเตอร์ไชเบล
ซึ่งต้องชื่นชมการแสดงที่เข้าขาทั้ง ไอสลา จอห์นสตัน ที่รับบทเบธวัยเด็กและบิล แคมป์ ที่รับบทมิสเตอร์ไชเบล ที่ช่วยปูอุปนิสัยและแสดงให้เห็นถึงความอบอุ่นประหนึ่งพ่อลูกของทั้งคู่จนมันแข็งแรงพอที่จะเสริมส่งปมขาดความรักจากพ่อที่พาให้เราสะเทือนใจกับเบธได้ในฉากที่เธอเริ่มตกต่ำ ตลอดจนชื่นชมยินดีและลุ้นสุดตัวในฉากแข่งหมากรุกแต่ละฉากที่แม้แต่ฉากแข่งหมากรุกในโรงเรียนหรือวิทยาลัยเล็ก ๆ ซีรีส์ก็ยังทำได้น่าตื่นเต้นมากเลย
และก่อนจะไปพูดถึงการแสดงของ “น้องจอย” ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คืองานสร้างของหนังที่ดูแพงดูตั้งใจไม่ปลอมทั้งงานคอสตูมที่จัดเต็มให้น้องจอยจนแทบจะเปลี่ยนโต๊ะหมากรุกเป็นรันเวย์อยู่มะรอมมะร่อ และงานศิลป์ของเรื่องตั้งแต่พรอบอย่างหมากรุกแต่ละแบบ โต๊ะหมากรุก การจัดทัวร์นาเมนต์แข่งหมากรุกตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปถึงสนามใหญ่อย่างปารีสและมอสโควที่เป๊ะมาก ซึ่งโชคดีมากที่ซีรีส์ลงสตรีมในระบบภาพแบบ Dolby Vision ที่ให้สีสันที่น่าตื่นตาตื่นใจชนิดที่ว่าฉากมืด ๆ ก็ยังเห็นดีเทล ส่วนฉากสว่าง ๆ อย่างดอกไม้ ต้นไม้ริมทางนี่สวยมาก ๆ เปิดลองทีวีกันได้เลย
เอาล่ะอย่างที่เราจั่วหัวไว้ว่านี่คืองานเทิร์นโปรของน้องจอย หรือ อันยา เทย์เลอร์ จอย ที่ทำผลงานได้ดีมาตลอดทั้งหนังอินดีอย่าง The Witch หรือจะเป็นหนังรวมฮีโรที่เพิ่งผ่านตาเราไปอย่าง The New Mutants แต่กับ The Queen’s Gambit ต้องบอกว่านี่คือการเลเวลอัปทางการแสดงอย่างแท้จริง ตั้งแต่ระดับเบสิกอย่างเสน่ห์ที่บอกตามตรงว่าแค่งานคอสตูมก็เสริมให้เธอเป็นไม้แขวนเสื้อที่งดงามมากแล้ว แต่เหมือนน้องจอยจะไม่หยุดแค่นั้น
เพราะเธอยังพัฒนาการแสดงที่แม้ในฉากที่แทบไม่ได้ระเบิดอารมณ์เยอะ ๆ ทั้งสายตาและอากัปกิริยาที่เธอแสดงออกมาช่วยเพิ่มมิติให้ตัวละครเบธ ฮาร์มอนด์ได้แทบทุกซีน ในเวลาที่แข่งขันเราเห็นทั้งความอวดดีที่ซ่อนความกลัวลึก ๆ หรือกระทั่งความเปราะบางในยามที่เธอดูเปรี้ยวและกร้านโลกที่สุด
สรุปแล้ว The Queen’s Gambit ถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่เราจะดูได้ต่อเนื่อง 7 ตอนแบบไม่อยากพักด้วยความสนุกของซีรีส์ งานภาพเด็ด ๆ ที่มี Dolby Vision มาเปิดประสบการณ์ทางการมองเห็น และการแสดงที่ไม่ได้มีแค่ฝีมือเด็ดของน้องจอยเท่านั้นแต่ยังประณีตในทุกองค์ประกอบของภาพยนตร์จนน่าจะกลายเป็นซีรีส์ที่ชิงรางวัลอะไรสักอย่างในปีหน้าได้แน่นอน